Ong
seongwoo x Park jihoon
Song
: All of the stars - Ed Sheeran
#องฮุนรายสัปดาห์ #ดาวของซองอู
writer
- delight.
___________________________
So
open your eyes and see
The
way our horizons meet
And
all of the lights will lead
Into
the night with me
And
I know these scars will bleed
But
both of our hearts believe
All
of these stars will guide us home.
“แลนด์แล้ว เพิ่งต่อเน็ตได้เนี่ย
เดี๋ยวจะไปที่พักแล้ว ไม่ต้องห่วง”
(ไปเองคนเดียวได้แน่นะ
มึงไม่ลืมแผนที่ที่พักใช่มั้ย)
“มึงย้ำกูรอบที่สี่ตั้งแต่กูขึ้นเครื่องจนกูแลนด์แล้ว
บอกว่าไม่ลืม ถึงลืมกูก็เปิดแมบได้ ไม่หลง”
(ไม่ให้ย้ำได้ไงล่ะ ไอ้เหี้ย
ใครสั่งใครสอนให้คนอกหักไปเที่ยวถึงอเมริกาคนเดียววะ)
องซองอูถอนหายใจใส่ปลายสายที่พูดวนเรื่องเดิมตั้งแต่เขาขึ้นเครื่องจนแลนด์ดิ้ง
คิมแจฮวาน เอาแต่คอยถามเช็คความเรียบร้อยของเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า ของใช้
หรือแม้แต่พาสปอร์ตและแผนที่เดินทางที่จำเป็น
ซึ่งองซองอูรู้สึกว่าเขาฟังเพื่อนสนิทคนนี้พูดเรื่องเดิมๆจนหูชาไปหมดแล้ว
และแน่นอนว่าเหตุผลง่ายๆที่ทำให้คิมแจฮวานเป็นห่วงเขามากถึงขนาดนี้มีเพียง4ข้อเท่านั้น
หนึ่ง
องซองอูเกลียดการเที่ยวและการเดินทางยิ่งกว่าอะไร
สอง
องซองอูเป็นผู้ชายประเภทโลวเทคโนโลยีมากถึงมากที่สุด
สาม
องซองอูเพิ่งจะถูกคนรักบอกเลิกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
และสี่
ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่อเมริกาคนเดียว…
พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือผู้ชายวันยี่สิบแปดกำลังยืนอยู่ในสนามบินในสหรัฐอเมริกาคนเดียว
พร้อมตั๋วเครื่องบินโง่ๆที่แนบกับพาสสปอร์ตหนึ่งใบ ไม่มีแพลน ไม่มีที่พัก
นอกจากเกสเฮ้าส์แนะนำจากแผนที่ในมือที่คิมแจฮวานพยายามยัดเยียดมันมาให้
“แล้วทำไมถึงจะมาคนเดียวไม่ได้
บริษัทหยุดสิ้นปีทั้งที กูจะมาเที่ยวบ้างไม่ได้หรอ แปลกตรงไหน”
(แปลกตรงที่เป็นมึงไง
มึงที่บ้างานจนแม้กระทั่งวันหยุดยังหอบงานมาทำที่ออฟฟิศ
แต่นี่ถึงกับยอมลาหยุดยาวเป็นวีคเพื่อไปเที่ยวคนเดียว แถมยังเสร่อไปตั้งไกล)
“เลิกบ่นเหอะ
กูมาถึงแล้วมันทำอะไรไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่ากูจะเที่ยวให้สนุก
เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วง กูยี่สิบแปด ไม่ใช่แปดขวบ”
(เออ แล้วแต่มึง ไอ้เวร)
แจฮวานด่าทิ้งท้ายเอาไว้ตามสไตล์ปากหมาของตัวเองแต่เขาก็รู้นั่นแหละว่าจริงๆมันก็แค่ห่วงเท่านั้น
ร่างสูงเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง
ก่อนจะเลือกเดินออกประตูมาเพื่อขึ้นบัสตามสายที่เขาคิดเอาไว้ว่าจะสามารถไปส่งตัวเองได้ถึงที่พักได้
ลมหนาวแรงจนเขาต้องกระชับโค้ทสีดำตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
อุณหภูมิที่ติดลบทำให้เขาได้แต่สถบในใจอย่างหัวเสีย แค่หายใจเบาๆ
ไอเย็นๆก็พุ่งพวยออกจากปากเขาเต็มไปหมด อเมริกานี่มันมีอะไรดี อากาศก็หนาว
ค่าเงินก็แพง คนก็เยอะ มีแต่ฝรั่งหน้าขาวที่ไม่คุ้นตาเต็มไปหมด
นั่นสิ อเมริกามีอะไรดีนัก.
.
.
.
วอชิงตัน ดีซี.
เกือบสองชั่วโมง
กว่าเขาจะสามารถคัดกรองสายรถบัสที่จะสามารถพาตัวเองมาถึงตัวเมืองที่ต้องการได้
เล่นเอาเหงื่อตกพอสมควร
เวลาที่เริ่มค่ำลงทุกทีทำให้ซองอูรีบพยายามลากกระเป๋าเดินทางตามตัวเองไปยังซอกซอยตามแผนที่อย่างทุลักทุเล
ก่อนจะพบว่าโรงแรมที่เขาหมายตาไว้ที่ทั้งราคาถูกและเดินทางสะดวกจากรถไฟฟ้า
ขึ้นป้ายว่า “เต็ม” อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ตั้งแต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปถามเลยด้วยซ้ำ
อาจคงเป็นเพราะเทศกาลหยุดยาวเลยทำให้ที่พักหลายๆที่ถูกจับจองเต็มไปหมดสำหรับนักท่องเที่ยว
ใครหลายๆคนก็คงมาพักผ่อนกันอย่างที่เขาทำอยู่นั่นแหละ
ให้ตายเถอะ แค่วันแรกก็ส่อแววไม่รอด
นี่เขาต้องหาทางอยู่รอดที่นี่เกือบห้าวันเชียวหรอ
แต่ถึงอย่างนั้น
ตัดพ้อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะต้องลากกระเป๋าใบเดิมออกมาหงอยๆ
ราวกับถูกคัดของจากบ้านเอเอฟ แล้วออกแรงเดินวนไปมาแถวๆนั้น
หวังว่าพอจะมีที่พักที่ราคาไม่แพงพอให้เขาได้มุดหัวอาศัยหลบอากาศหนาวบ้าๆนี่ก็บ้างก็ยังดี
แล้วก็ดูเหมือนว่าฟ้าคงไม่ได้ใจร้ายนัก
เมื่อขายาวมาหยุดอยู่โรงแรมเล็กที่อยู่ในซอกหลืบจนแทบไม่สังเกตเห็น
โชคดีที่ว่าซองอูเห็นป้ายชื่อโรงแรมยื่นออกมาจากปากซอย
ถึงได้ลองเดินเข้ามาแล้วพบว่ามีโรงแรมนี้อยู่ แม้ว่าราคาจะโหดกว่าสภาพห้องไปบ้าง
แต่ก็คงจะดีกว่าการที่เขาต้องนอนข้างถนนกับอากาศหนาวๆนั่นแหละ
กว่าจะได้พัก ได้เก็บของ
ไหนจะกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เล่นเอาล่อไปเกือบเที่ยงคืน หนึ่งวันในวอชิงตันดีซีของซองอูผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเส้นผมที่เปียกปอนจนน้ำหยดลงตามทางเดิน
ห้องขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่กว้างนัก แต่ก็ไม่ได้แคบสำหรับหนึ่งคน
และเสียงโทรทัศน์ที่นำเสนอข่าวต่างประเทศด้วยภาษาที่ไม่ได้คุ้นชิน
แต่อย่างหน่อยก็เปิดให้เสียงดังขึ้นมาเพื่อกลบความเหงาที่เกิดขึ้นในใจได้บ้าง
ซองอูเช็ดผมด้วยผ้าสะอาดสีขาว
พร้อมๆกับทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนที่เข้ามา
ส่วนมากก็มาจากเพื่อนๆเขาและครอบครัวที่เป็นห่วงการเดินทางสำหรับเขาก็เท่านั้น และแชทกลุ่มที่บริษัทที่ยังคงแจ้งเตือนดังตลอด
แม้กระทั่งในวันหยุด ซองอูตัดสินใจปิดการแจ้งเตือนแชทกลุ่มบริษัทนั้น และเลือกตอบเพื่อนกับครอบครัวว่าเขาปลอดภัยดีเพื่อความสบายใจ
ยามราตรีแสงในค่ำคืนสาดส่องเข้ามาผ่านกระจก
จนซองอูอดไม่ได้ที่จะเปิดระเบียงออกไปชื่นชมบรรยากาศของประเทศที่เขาไม่คุ้นชิน
แม้อากาศจะหนาว แต่กลุ่มดาวที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
ก็เรียกความสนใจของเขาได้เป็นอย่างดี
ร่างสูงทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ตรงระเบียงเงียบๆ
สองมือพลางกอดกายให้อบอุ่นถึงแม้ว่าจะใส่โค้ทอยู่ก็ตาม
เช่นเดียวกับสายตาทั้งสองที่จดจ้องไปยังฟากฟ้าที่มีกลุ่มดาวระยิบระยับในคืนที่หนาวเหน็บ
และมันทำให้เขาคิดถึงใครบางคนขึ้นมา
‘ทำไมถึงชอบดาวล่ะ’
‘ไม่รู้สิครับ
แค่รู้สึกว่าชอบดูดาวมากๆ เวลามองกลุ่มดาวบนท้องฟ้าพวกนี้ทีไร รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลย พี่ก็รู้นี่นา เค้าไม่ได้อยู่กรุงเทพแต่แรก
บางทีก็เหงาเหมือนกันที่ต้องอยู่ที่นี่คนเดียว’
‘…’
‘หรือเวลาคิดถึงใคร
ก็แค่มองดาว อย่างน้อยต่อให้อยู่ไกลกันแค่ไหน ต่อให้ห่างกันเป็นไมล์
แต่เราก็ยังสามารถมองดาวดวงเดียวกันได้อยู่ดี พี่คิดงั้นมั้ย’
นั่นสิ เรามองเห็นดาวดวงเดียวกันอยู่หรือเปล่า
‘แต่พี่รู้อะไรมั้ย
เค้ามีดาวที่ชอบมากๆอยู่ด้วยนะ’
‘อะไรหรอครับ’
‘ดาวสามดวงที่อยู่บนหน้าพี่ไง’
‘…’
‘เค้าชอบมันที่สุดเลย’
คำพูดและเสียงใสเจือแจวดังเข้ามาในความคิดขององซองอูในยามค่ำคืนที่เงียบเหงา
เขาทำได้เพียงยิ้มขมขื่นกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นข้างในใจ
ก่อนจะกอดตัวเองเอาไว้ในบรรเทาความหนาวลง
ซองอูรู้ตัวดีว่าบางอย่างที่ก่อขึ้นภายในจิตใจ มันกำลังจะทำให้เขาทนไม่ไหว
เขาคิดถึงคนๆนั้น
เจ้าของคำพูดที่บอกว่าชอบดาวสามดวงบนหน้าเขา คนๆนั้นที่ทิ้งไปเมื่อหกเดือนก่อน
และเป็นสาเหตุให้เขามาอยู่ในที่แห่งนี้
แฟนเก่าขององซองอูที่ชื่อ ‘พัคจีฮุน’
ควรย้อนกลับไปตอนไหนดีล่ะ ตอนที่เขาและ
‘แฟนเก่า’ เพิ่งเริ่มคบกัน
หรือตอนที่เราทั้งคู่เลิกกัน
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
เช้าวันใหม่ขององซองอูคือเวลาสิบเอ็ดโมง
แสงแดดที่แยงตานั้นทำให้เขาตื่นทั้งๆที่อยากจะมุดตัวโง่ๆอยู่ในผ้าห่มทั้งวัน
แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย
และเขามาถึงนี่ก็คงคุ้มเท่าไหร่หากต้องเสียค่าตั๋วหลายหมื่นเพื่อมาเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ
คิดได้ดังนั้นซองอูจึงได้ลากสังขารออกจากเตียงไปอาบน้ำสักที
เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการเดินเล่นอย่างไม่รู้จุดหมาย
พร้อมกับกล้องโง่ๆหนึ่งตัวที่พอจะใช้จับภาพอะไรได้บ้าง เอาเข้าจริงเข้าก็ไม่ได้เชี่ยวชาญกับเทคโนโลยีที่เรียกว่ากล้องสักเท่าไหร่
เพียงแต่เห็นว่ามีกล้องตัวนี้อยู่ที่คอนโดของตัวเอง จึงหยิบมาด้วยก็เท่านั้น
และมีเพียงเจ้าของกล้องที่ชื่อพัคจีฮุนเท่านั้นที่ทิ้งมันเอาไว้
ซองอูไม่ชอบถ่ายรูป แต่อีกคนนั้นชอบยิ่งกว่าอะไร และนี่คืออีกข้อที่เขาเพิ่งรู้หลังจากที่เราเลิกกัน
ถ้าถามว่าเราสองคนคบกันได้ยังไง
อาจเป็นเพราะตอนเขาอยู่ปีสี่
เด็กผู้ชายผิวขาวเนียนละเอียดวิ่งมาประกาศศักดาว่าจะจีบเขาให้ได้มั้ง
อาจเป็นเพราะตอนนี้ที่องซองอูดันใจอ่อนให้กับเด็กปีหนึ่งที่เอาช็อกโกแลตรูปดาวมาใส่ไว้ในล็อกเกอร์เขาทุกวันๆ
จนเผลอใจตัวเองไปตกปากขอเด็กนั่นเป็นแฟนเข้าจนได้
ความสัมพันธ์ของเราก็เลยลากยาวมาจนถึงปีที่ 6
องซองอูเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง
ตำแหน่งการงานไม่ได้เริ่มต้นจากใหญ่โตอะไร เขาเริ่มทำงานทันทีหลังเรียนจบ
เป็นเวลาเกือบ 5 ปีที่ซองอูได้ตำแหน่งพนักงานดีเด่นมาโดยตลอด
จึงถูกเลื่อนไปตำแหน่งงานที่สูงขึ้นได้อย่างไม่ยาก ภายในเวลาไม่กี่ปี
องซองอูก็เลื่อนขั้นมาเป็นผู้จัดการแผนกวางแผนการตลาดอย่างรวดเร็ว
ส่วนแฟนเด็กของซองอูก็ทำงานได้สองปีหลังเรียนจบ จีฮุนเก่งด้านภาษา
ดังนั้นจึงเลือกทำงานด้านการแปล
ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นด้วยดีทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องความรัก
องซองอูมีความสุขกับการที่กลับห้องมาแล้วเจอคนรักที่ห้อง
เรามักใช้เวลาอยู่ด้วยกันภายในห้องสี่เหลี่ยม
ผ่านแต่ละวันไปด้วยการดูหนังที่โซฟาห้องนั่งเล่น
ด้วยกันและผล็อยหลับไปจากความเหนื่อยล้าของวัน ไปทำงาน กลับมาก็ค่ำ
ใช้เวลาดูหนังและหลับไป ชีวิตขององซองอูก็เป็นแบบนี้แหละ
วนลูบแบบนี้ไปเรื่อยทุกวัน เป็นระยะเวลาหลายปีตั้งแต่น้องย้ายมาอยู่กับเขา ซองอูเรียกชีวิตแบบนี้ว่าความสุข
ซึ่งนั่นคือการเข้าใจผิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
เขาไม่คิดว่าสิ่งที่ทำเดิมๆประจำทุกวันมันจะกลายเป็นชนวนในใจของคนรักที่รอวันระเบิดออกมา
องซองอูยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดความผิดพลาดตรงไหน จนเขาได้ลองมองย้อนไปเมื่อปีก่อน
‘พี่ซองอู
พรุ่งนี้วันอาทิตย์ไปดูหนังกันมั้ย เค้าอยากดู Suicide Squad’
‘โทษทีนะจีฮุน
พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าไปบริษัทไปแก้งาน ไว้วันอื่นพี่จะพาไปนะ’
‘วันนี้เค้าเลิกเร็ว
ตอนเย็นไปหาอะไรกินกันมั้ยคับ ซูชิดีมั้ย พี่ชอบนี่นา’
‘เย็นนี้พี่มีประชุมต่อ
ไว้เจอกันที่ห้องเลยก็ได้ครับ ขอโทษนะ’
‘อาทิตย์หน้างานเปิดตัวหนังสือที่เค้าแปล
พี่จะมาใช่มั้ย’
‘ไปสิ
พี่จะพลาดไปยังไง’
‘แน่นะ’
‘ครับ พี่สัญญา’
องซองอูสัญญากับคนรักว่าจะไปงานเปิดตัวหนังสือที่เจ้าตัวได้แปลมันออกมา
จนได้ตีพิมพ์ พัคจีฮุนลงทุนอดหลับอดนอน
ตั้งใจทำเป็นอย่างมากกว่าหนังสือเล่มนี้จะออกมาสมบูรณ์แบบ
เขาเห็นใบหน้าหวานยิ้มปลื้มปริ่มอย่างสุขล้นในวันที่ได้รับอีเมลตอบกลับจากสำนักพิมพ์ว่างานของจีฮุนจะได้ตีพิมพ์และวางจำหน่ายอย่างที่ฝันเอาไว้
และวันนั้นก็มาถึง วันที่สำคัญสำหรับจีฮุนมากที่สุดในชีวิต
วันที่จีฮุนอยากจะอวดมันให้องซองอูได้เห็น
‘ประชุมเลิกช้าว่าที่คิด
รถติดมากด้วย ขอโทษนะ ที่พี่มาไม่ทัน’
‘ครับ’
ถ้าทำไม่ได้ ทำไมจึงสัญญา?
สุดท้ายวันสำคัญของจีฮุนก็ผ่านไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
และองซองอูก็ดีแต่ขอโทษ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชนวนในใจนี้มันเกิดขึ้นมา
นับตั้งแต่วันนั้นเราคุยกันน้อยลง เจอหน้ากันน้อยลงทั้งๆที่อยู่ห้องเดียวกัน
กว่าเขาจะกลับจีฮุนก็หลับไปแล้ว และกว่าเขาจะตื่น จีฮุนก็ออกจากห้องไปก่อนทุกครั้ง
เราไม่มีเวลาที่จะได้คุยกันเลย
องซองอูทำงานอย่างหนักจากแผนการตลาดของบริษัทที่กำลังจะขยายสาขาออกไป
เวลานอนแต่ละวันยังไม่ถึงห้าชั่วโมงด้วยซ้ำ
หนำซ้ำเขายังต้องใช้วันหยุดอยู่ที่บริษัทเป็นส่วนมาก
จนวันนั้นวันที่ความอดทนของพัคจีฮุนสิ้นสุดลง
วันที่เราสองคนนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆริมข้างแม่น้ำ...
‘เราเลิกกันเถอะพี่ซองอู’
จีฮุนพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
และเขาไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร
‘เค้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าเรียกร้องความสนใจ แต่สำหรับพี่ เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำเค้าสำคัญกับพี่หรือเปล่า
พี่ไม่แม้แต่มีเวลาให้เค้า แค่เวลากินข้าว เวลาไปเที่ยวพักผ่อนอย่างที่คนอื่นเขาทำ
พี่ไม่มีเลย แม้กระทั่งวันสำคัญของเค้า พี่ก็ปล่อยผ่าน และมันไม่ใช่ครั้งแรก สำหรับพี่งานคือทุกอย่าง
พี่มีเวลาให้งานตลอด วันหยุดพี่ก็ยังทำ พี่รู้ตัวบ้างมั้ยว่าเค้าอยู่ตรงนี้’
‘…’
‘เค้าที่พี่ละเลยและไม่เคยสนใจ
ครั้งล่าสุดที่เราคุยกันยาวๆตอนไหนเค้ายังจำไม่ได้เลย
พี่ทำเหมือนว่าการมีเค้าอยู่ในชีวิตมันไม่สำคัญ สำหรับพี่งานมาที่หนึ่ง
ขนาดเค้าพูดขนาดนี้ พี่ก็ยังไม่พยายามแก้ตัวอะไรออกมา’
‘…’
‘รู้มั้ยพี่ซองอู
พี่ทำให้เค้ารู้สึกว่าหกปีที่ผ่านมา มันไม่มีค่าอะไรเลย’
วันนั้น เขาเงียบและมองจีฮุนร้องไห้โดยไม่พูดอะไร
เขามองคนที่รักที่สุดในชีวิตกำลังส่งเสียงร้องไห้ราวกับจะขาดใจ
สิ่งที่อัดอั้นในใจคนรักเป็นเวลาหลายปีถูกระบายออกมาจนหมดสิ้น ไม่มีอ้อมกอด
ไม่มีคำขอโทษหรือขอโอกาสใดๆ องซองอูเพียงแค่ปล่อยให้คนรักร้องไห้อยู่อย่างนั้น
‘สำหรับเค้า
พี่คือบ้านที่เค้าสบายใจ คือดวงดาวที่เค้าคอยมองหาและคิดถึง’
‘…’
‘แต่สำหรับพี่
เค้าคืออะไร เค้าไม่เป็นแม้แต่บ้านหรือดวงดาวสำหรับพี่เลยสักครั้ง’
‘...’
‘เค้าทนไม่ไหวแล้วพี่ซองอู’
สิ้นคำนั้นไม่มีเสียงร้องไห้อีกต่อไป
พัคจีฮุนยืนที่ตรงหน้าเขาอย่างเด็ดเดี่ยวทั้งๆที่ใบหน้าเกรอะกรังไปด้วยน้ำตาที่แทบจะขาดใจ
คนตัวเล็กตัดสินใจถอดแหวนสีเงินเรียบออกมา
ก่อนจะปามันลงไปที่แม่น้ำต่อหน้าต่อตาเขาและหายออกไปจากที่ตรงนี้
คืนนั้นองซองอูไม่ได้กลับห้อง
เขาไม่พร้อมที่จะกลับไปพบกับห้องที่ว่างเปล่า
ข้าวของที่คุ้นตาหายออกไปจนไม่ทันได้ตั้งตัว เขายังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม
ความคิดหลากหลายที่ประโคมเข้ามาในหัวเต็มไปหมด
ที่ผ่านมาน้องต้องอดทนขนาดนั้นเลยหรอ
ที่ผ่านมาน้องต้องเจ็บขนาดนี้เลยหรอ
ที่ผ่านมาเขาละเลยและไม่ให้ความสำคัญกับความรักเราเลยหรอ
ที่ผ่านมาที่เขาทำมันยังดีไม่พออีกหรอ
และที่ผ่านมา
จีฮุนไม่รู้สึกถึงความรักของเขาแม้แต่นิดเลยจริงๆหรอ
ที่เขาไม่โต้ตอบไม่ร้องขอโอกาส ไม่ใช่ว่าไม่รัก
เพียงแต่เขากำลังคิดว่าความรักของเขามันทำให้คนรักต้องอดทนขนาดนั้นเชียวหรอ
แค่จะเอื้อมมือไปกอดปลอบโยน เขาก็ยังรู้สึกละอายเกินกว่าจะทำ
หกปีที่ผ่านมาจีฮุนเองก็ทำให้เขาได้รู้วันนี้
ว่ามันไม่ได้ช่วยให้จีฮุนเชื่อมั่นรักของเราเลย ทั้งๆที่เขาตั้งใจทำงานอย่างหนักเพียงเพราะคำพูดของเด็กหนุ่มเมื่อสองปีก่อนที่เอ่ยอย่างมีความฝัน
‘เค้าอยากไปอเมริกา
ได้ยินมาว่ายิ่งอากาศหนาว ดาวบนท้องฟ้าก็จะชัดกว่าเดิม ถ้าได้กินโกโก้ร้อนในอากาศแบบนั้นแล้วมองดาวไปด้วย
มันต้องดีมากๆเลย ถ้าเราไปด้วยกัน มันต้องดีมากๆเลยเนอะ’
‘…’
‘แต่จริงๆแค่สักที่ที่มีอากาศเย็นๆ
มองเห็นดาวได้ชัดๆ แล้วก็มีพี่ข้างๆก็พอ’
‘…’
‘สำหรับเค้า ที่ไหนก็ได้ที่มีพี่ก็พอแล้ว’
ใครคนนั้นที่มักปรับเปลี่ยนความพอใจของตัวเองเพื่อเขาเสมอ
และสุดท้ายเป็นเขาเองที่เข้าใจผิดไป
ทุกอย่างที่องซองอูทำมันผิดไปเสียหมด
เขาปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ
วันๆของซองอูวนเวียนไปแค่บริษัทและคอนโดเฉกเช่นเดิม เกือบหกเดือนที่เวลาผ่านไป
ซองอูไม่รู้ว่าน้องไปอยู่ที่ไหน เราไม่ได้ติดต่อกัน ไม่ได้พูดคุยหรือแม้ถามว่าสบายดีมั้ย
ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวจากคนรอบข้าง ซองอูจึงได้แต่ทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิม
เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านในเวลาที่เงียบเหงา
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะมาอเมริกาในวันหยุดสิ้นปีอย่างไร้แพลนและความคิดใดๆ
วันนี้จึงจบลงที่คาเฟ่ใกล้ๆที่พักที่อยู่ริมถนน มองผู้คนพลุกพล่านละลานตาไปหมด
พร้อมกับโกโก้ร้อนหนึ่งแก้ว ตอนแรกแค่รู้สึกว่าจีฮุนอยากมาเขาก็อยากมาลองดูสักตั้งว่าที่นี่มันมีอะไรดีนัก
ทำไมจีฮุนถึงอยากมาขนาดนี้ แล้วก็เป็นอย่างที่จีฮุนพูดนั่นแหละ อากาศเย็นๆ
กับโกโก้ร้อนๆสักแก้ว มองดาวผ่านกระจกร้านมันก็ไม่ได้แย่นัก
เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่อยากมองดาวอีกต่อไปแล้ว
พอมองดาวทีไร
พี่ก็คิดถึงเราทุกที
ทุกคืน ทุกวัน
ไม่ว่าจะอากาศร้อนหนาวแค่ไหน ดาวบนฟ้าขององซองอูก็คือพัคจีฮุนเสมอ
เขาไม่เคยโกหกตัวเอง
ทุกคืนทุกวันของซองอูมีจีฮุนวนเวียนอยู่ในความคิดมาตลอดเวลา
กลับห้องไปก็มีแต่กลิ่นของจีฮุน
มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพของเราสองคนที่อยู่ด้วยกันในทุกที่ เขาคิดว่าตัวเองคงไม่ไหว
ใครจะรู้ว่าผู้ชายอย่างเขาร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงเด็กคนนั้นตลอดเวลา
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้
องซองอูจะไม่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อที่จะเก็บเงินให้อนาคตของเรา
ถ้าย้อนไปได้ เขาจะรั้งจีฮุนมาไว้ในอ้อมกอด
เขาจะไม่ยอมให้จีฮุนหายไป
แบบในตอนนี้ที่เขาไม่สามารถพบเจอน้องได้อีกต่อไปแล้ว
“พี่ซองอู”
เสียงเรียกเบาๆอย่างขาดห้วงกับภาษาที่คุ้นเคยทำให้ผู้ชายตัวสูงที่ก้มหน้าเช็ดน้ำตาเมื่อครู่ชะงักค้างไปด้วยความตกใจ
เสียงเล็กใสที่เขาคุ้นเคยนั้นทำให้ซองอูต้องค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปสบตาร่างที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะกาแฟ
ใบหน้าหวานที่ซองอูคุ้นตามาตลอดเวลาหกปี แต่กลับรู้สึกว่ามันซูบผอมลงไปกว่าในตอนนั้น
“จีฮุน”
“ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่”
ร่างเล็กเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา
ใบหน้าหวานเกิดความงุนงงอย่างถึงที่สุดเมื่อเขาเดินเข้ามาซื้อกาแฟหลังเลิกคลาสในระหว่างทางที่กลับที่พักเช่นทุกวัน
แต่กลับพบผู้ชายตัวสูงแต่ผอมโปร่งนั่งเงียบๆอยู่ที่มุมร้าน
และดันเป็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นที่จีฮุนรู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างดี
และไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
เขาถึงเลือกเดินเข้ามาทักทายผู้ชายที่เลิกกันไปแล้วแบบนี้
“พี่มาเที่ยว ได้วันหยุดสิ้นปีมาพอดี
เราล่ะมาทำอะไรถึงที่นี่”
“ผมมาเรียนโท ประมาณสามเดือนแล้ว”
“อ๋อ”
บทสนทนาของเราเงียบลงไปกลายเป็นความอึดอัด
คนที่ไม่คิดว่าจะเจอกลับมาอยู่ตรงหน้า
คำพูดมากมายที่เคยคิดเอาไว้ถูกกลืนลงคอไปเสียหมด
องซองอูจดจ้องแก้วโกโก้ร้อนในมือเล็กที่กำลังประหม่า เกือบหกเดือนที่เราไม่เจอกัน
ไม่ได้คุยกัน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี เพราะองซองอูก็ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เช่นเดียวกับพัคจีฮุนนั่นแหละ
“ปกติพี่ไม่ชอบเที่ยว ทำไมมาถึงที่นี่ล่ะ”
“เพราะเรามั้ง”
“…”
“เราเคยบอกพี่ว่าอยากมาอเมริกานี่นา”
คำตอบเขาซองอูทำให้จีฮุนนิ่งไปเมื่อไม่ได้เตรียมใจมาเจอความรู้สึกอะไรแบบนี้
สายตาของซองอูทำให้จีฮุนหายใจลำบาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจลึกๆเขากำลังดีใจที่ตัวเองเป็นเหตุผลนั้น
ร่างเล็กพยายามหลบสายตาและความรู้สึกบางอย่างภายในหัวใจ
หลายๆเรื่องราวที่ผ่านมาทำให้จีฮุนพยายามตั้งสติให้ได้ว่าตัวเองไม่ควรเผลอไผลไปกับคำพูดชั่ววูบแบบนี้
“ผมไปก่อนดีกว่า เที่ยวให้สนุกนะครับ”
“เดี๋ยว”
แรงดึงเบาๆที่ข้อมือเล็กทำให้จีฮุนหยุดนิ่งลง
หันไปสบตาของซองอูที่พยายามขอให้เขาอยู่ต่อก่อนอย่างเว้าวอน
จีฮุนจึงยอมนั่งลงตรงข้ามตามเดิม
หัวใจดวงน้อยของเด็กหนุ่มกำลังเต้นขึ้นหลังจากที่เขารู้สึกว่ามันหยุดเต้นไปนานมากแล้ว
องซองอูมองคนตรงข้ามด้วยแววตาจริงจัง
เขาบอกกับตัวเองว่าเขาไม่สามารถทิ้งโอกาสตรงหน้าไปได้ คนที่เลิกกันไปนานถึงหกเดือนจะโคจรมาพบกันในอีกซีกโลกอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่
และเขาจะไม่ขอพลาดแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว
“พี่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี จู่ๆเราก็มาเจอกันกะทันหันแบบนี้
ในที่ที่พี่ไม่คิดว่าจะทำให้เจอเรา”
“ผมก็เหมือนกัน”
“แต่ว่านะจีฮุน
สำหรับพี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ เราอาจจะไม่รู้ แต่พี่น่ะ
อธิบายดับดาวบนท้องฟ้าทุกคืนเลย”
“...”
“ขอให้พี่เจอเราอีกสักครั้ง ขอให้พี่ได้บอกบางอย่างที่พี่ยังไม่ได้บอกกับเราก็ยังดี”
จีฮุนน่ะไม่รู้หรอกว่าซองอูหมายถึงอะไร
แต่เขาก็พอเดาได้อยากแววตาจริงจังนั่นว่าคงเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้สิ
หกปีที่ผ่านมา องซองอูไม่เคยพยายามทำให้เขาเห็นสักนิด ไม่เคยแม้แต่พยายามอะไร
แม้กระทั่งตอนที่เลิกกัน พี่เขายังไม่พูดอะไรเลย
“พี่ยอมรับว่าพี่เป็นแฟนที่แย่จริง ไม่ดิ โคตรแย่
ไม่มีเวลาให้ ไม่มีอะไรให้สักอย่าง แค่รักษาสัญญายังให้ไม่ได้เลย
แต่จีฮุนรู้อะไรมั้ย มีบางอย่างที่เราเข้าใจผิดไป ตอนที่เราบอกเลิกพี่”
“…”
“ที่เราบอกว่าพี่ไม่รักน่ะ
ไม่ใช่เลยพี่รักเรามาตลอด ตกหลุมรักตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่ใช่คนพูดเก่ง เราก็รู้ ที่พี่ทำงานหนักก็เพราะหวังว่าเราจะได้มาที่นี่ด้วยกัน”
“พี่ซองอู”
“จำที่เราเคยถามพี่ได้ไหมว่าสำหรับพี่ เราคืออะไร”
ทำไมจะจำไม่ได้ นั่นคือทุกอย่างที่ติดใจจีฮุนตลอดเวลาผ่านมา
เขาตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง หกปีที่ผ่านมาเขาคืออะไรสำหรับองซองอู
และสำคัญแค่ไหนทำไมงานถึงมาก่อนเขาตลอด ทุกอย่าง
พัคจีฮุนอยากรู้ทุกอย่าง
“เราเป็นมากกว่าทุกอย่างที่พี่เคยบอกมา
มากกว่าบ้าน มากกว่าดาว มากว่าโกโก้ร้อนนั่น แหละหิมะที่กำลังตกในตอนนี้”
จีฮุนหันไปมองที่กระจกใสด้านนอกที่บัดนี้ปุยเมฆสีขาวกำลังลอยล่องตกลงมาเป็นวันแรกของปี
เด็กหนุ่มมองมันอย่างตื่นเต้นจนซองอูอดจะยิ้มไม่ได้
สำหรับเขาจีฮุนยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ตื่นเต้นแม้กับสิ่งเล็กๆที่เห็น
หรือแม้กระทั่งรอยยิ้มสวยๆนั่น
“จีฮุน พี่ว่าพี่ไม่ไหว”
“พี่ซองอู”
“พี่รู้ว่าพี่แย่
ที่ผ่านมาพี่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แค่มองดาวพี่ก็นึกถึงเราไปหมด
คิดถึงช่วงเวลาที่มีเรา พี่รู้ว่ามันดูเห็นแก่ตัวที่พี่จะพูดแบบนี้ แต่ว่านะ”
“…”
“กลับมาหาพี่ได้มั้ยครับ”
แหวนสีเงินเรียบถูกถอดออกจากนิ้วของซองอู
เขายื่นมันไปตรงหน้าของจีฮุนที่มองมาอย่างงุนงง
ตาสวยที่จู่ๆก็เอ่อไปด้วยน้ำตาจนมองอะไรก็พร่ามัวไปหมด หัวใจของจีฮุนกำลังบีบรัดและคลายตัวอย่างรวดเร็วกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ราวกับต้นไม้เหี่ยวๆที่ตายไปแล้วกำลังจะฟื้นซะอย่างนั้น
“ที่ผ่านมาที่หายไปไหนครับ ทำไมพึ่งมาเอาตอนนี้”
“พี่รู้ว่าพี่ปล่อยเวลาผ่านมานานเดินไป
หกเดือนที่ผ่านมาเรื่องราวต่างๆอาจเปลี่ยนไปแล้ว หลายอย่างอาจเกิดขึ้น แต่สำหรับพี่ยังเหมือนเดิม
ยังคงเป็นแหวนวงเดิม และพี่หวังว่าเราจะเหมือนเดิม”
“...”
“กลับบ้านเรากันเถอะ กลับมาเป็นดวงดาวให้พี่นะครับ”
องซองอูไม่รู้อีกแล้วว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
แค่การที่เด็กผู้ชายตรงหน้าลุกจากเก้าอี้ขึ้นมาโผล่เข้ากอดเขาทั้งน้ำตา
เพียงเท่านั้นสำหรับองซองอูก็ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่จากฟากฟ้าแล้ว ที่ผ่านมาเรามองดาวดวงเดียวกันและคิดถึงกันตลอดเวลาที่ผ่านมา
นั่นก็มากพอแล้ว
สุดท้ายแล้วสำหรับซองอูไม่ว่าจะเป็นเงินหรืองานอะไร
เขาไม่สนใจมันอีกแล้ว สิ่งที่สำหรับที่สุดสำหรับเขาคือเด็กผู้ชายขี้แงที่หนีเขามาถึงอเมริกาต่างหาก
และสำหรับจีฮุน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา หิมะ โกโก้
หรือแม้แต่ดวงดาว เขาก็ไม่สนใจแล้วเช่นกัน แค่มีผู้ชายโง่ๆแบบองซองอู สำหรับจีฮุน
นั่นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ
“กลับบ้านเรากันนะครับ พี่ซองอู”
So
open your eyes and see
The
way our horizons meet
And
all of the lights will lead
Into
the night with me
And
I know these scars will bleed
But
both of our hearts believe
All
of these stars will guide us home
ลืมตาแล้วมองดูสิ เส้นขอบฟ้าของเราที่บรรจบกัน
และแสงสว่างทั้งหมดทั้งปวงจะนำทางเธอเข้าไปในราตรีกับฉัน
และฉันรู้ว่าบาดแผลเหล่านี้จะต้องเจ็บ แต่หัวใจของเราทั้งสองต่างเชื่อ
ว่าดวงดาวเหล่านี้จะนำทางเรากลับบ้าน
end.
#ดาวของซองอู
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น