#พี่มินเดือนมอ I 21
‘มาเปิดประตูให้เลย
ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว’
มินฮยอนมองข้อความบนมือถือที่น้องแจนส่งมาซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เขากวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษรด้วยความตั้งใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไปจริงๆ ก่อนสติของเขาจะถูกเรียกด้วยเสียงเคาะประตูห้องดังๆสองสามครั้ง
นั่นถึงทำให้มินฮยอนรีบดีดตัวขึ้นจากโซฟาในทันที
ร่างสูงสำรวจสภาพตัวเองอยู่หน้ากระจกจนแน่ใจว่าสภาพของตัวเองในตอนนี้จะไม่ดูแย่จนเกินไปที่จะทำให้แจนเป็นห่วง
ถึงอย่างนั้นรอยคล้ำใต้ตาก็ดูเหมือนว่าจะปิดไว้ไม่มิดนัก
มินฮยอนส่องตาแมวดูอีกครั้งให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้ป่วยจนเบลอจนมโนภาพเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมา เมื่อเห็นว่าตรงหน้าเขาคือน้องแจนที่เป็นแฟนของตัวเองจริงๆ
มือหนาก็รีบยืนออกไปเปิดประตูออกกว้างในทันที
“กว่าจะเปิด”
เสียงบ่นกระปอดประแปดของน้องดังขึ้นเมื่อเขามาเปิดประตูช้า
ร่างเล็กหอบกระเป๋าเดินทางที่ใช้ไปค่ายของตัวเองเข้ามาในห้อง
ในมือบางอีกข้างก็หอบหิ้วไปด้วยถุงพลาสติกต่างๆนาๆ ที่ทำให้แจนไม่สามารถเปิดประตูได้
ถึงว่าทำไมถึงบอกให้เขาเปิดให้ ทั้งๆที่แจนเองก็รู้รหัสห้องนี้ดีอยู่แล้ว
มินฮยอนจ้องมองแจนที่วิ่งวุ่นไปจัดการวางของในครัวไปทั่ว
เหมือนปกติที่คนตัวเล็กมักชอบทำนู้นนี่ในห้องของเขา
แต่แปลกที่น้องทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้เราไม่ได้ทะเลาะกันซะอย่างนั้น
ถึงเขาจะไม่เข้าใจสักเท่าไหร่
แต่การเห็นร่างที่คุ้นตาวิ่งวนไปมาในห้องนี้มันรู้สึกดีจริงๆ
“มานั่งนี่เลย”
แจนเดินมาหยุดนั่งที่โซฟาที่ขาวสะอาดกลางห้องนั่นเล่น
พร้อมๆกับในมือเล็กที่มีชามโจ๊กร้อนๆและถุงยาอีกจำนวนหนึ่งวางไว้หน้าโต๊ะ
มือเล็กกวักเรียกมินฮยอนให้มานั่งข้างๆ ร่างสูงเองก็ไม่ได้ขัดอะไรนอกจากเดินมานั่งตามที่อีกคนบอก
มินฮยอนไม่เคยขัดใจอะไรน้องอยู่แล้ว
“พี่บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ตัวร้อนขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นไรได้ไง
กินโจ๊กแล้วกินยาเลย อย่าให้ผมดุ”
แจนยกชามโจ๊กขึ้นมา
มือหนายื่นไปเพื่อจะรับมันมาทานเอง แต่แจนกลับชะงักมือเอาไว้
ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยสายตาดุๆ ที่มินฮยอนไม่ได้รู้สึกกลัวมันสักนิด หนำซ้ำเขายังรู้สึกว่ามันน่ารักจนเหมือนลูกแมวที่กำลังขู่เสียมากกว่า
แจนตักโจ๊กขึ้นมาพอดีคำก่อนจะเป่าเบาๆเพื่อให้ข้าวหายร้อน
มินฮยอนจะได้กินง่ายๆ ร่างเล็กป้อนอีกคนช้าๆซึ่งมินฮยอนเองก็กินมันอย่างว่าง่าย
เขาไม่ขัดอะไรน้องแจนสักอย่าง
แค่ได้มองใบหน้าน่ารักกับแก้มกลมๆในระยะใกล้ที่ห่างหายมาหลายวันก็มีความสุขแล้ว
“กินยาด้วย”
แจนยื่นยาแก้ไขหวัดส่งให้มินฮยอนหลังจากทางโจ๊กจนหมดภายในเวลาไม่กี่นาทีที่อีกคนคอยป้อนตลอด
ร่างสูงรับมันมาก่อนจะกินตามที่คุณพยาบาลตัวเล็กสั่งอย่างว่าง่าย
แจนมองอย่างพอใจที่มินฮยอนไม่ได้มีท่าทีขัดขืน
ร่างบางเตรียมลุกเพื่อจะไปเก็บชามที่ห้องครัว
แต่ก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อมินฮยอนรั้งเขาไว้ด้วยแรงดึงจากมือข้างเดียว
มินฮยอนนิ่งและแจนเองก็นิ่ง
ไม่ได้มีใครพูดอะไรนอกจากเสียงแอร์ที่ดังต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
ร่างบางยอมนั่งลงที่โซฟาตามเดิมในที่สุด
เขาสำรวจใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าที่เหงื่อกราดไหลเพราะอาการป่วย
และอุณหภมิตามร่างกายที่ร้อนจนเป็นไฟทันทีที่เขาสัมผัสตัวกับอีกคน
“ตัวพี่ร้อนมาก ไปพักเถอะเดี๋ยวผมจะกลับแล้ว”
“เดี๋ยว”
“…”
“เราจะมาหาพี่แค่นี้จริงๆหรอแจน”
คำถามของมินฮยอนที่ทำให้ร่างบางนิ่งเงียบไป
ริมฝีปากบางเผื่อขบเม้มกันอย่างประหม่า
เขาหันไปสบตามินฮยอนที่มองมาทางตัวเองอย่างไม่วางตา
ไม่ใช่แจนไม่รู้ตัวว่าอีกคนกำลังหมายถึงอะไร ไม่ใช่ไม่รู้ว่าในดวงตาใสของอีกคนกำลังเศร้าและทุกข์ใจแค่ไหน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าความคิดถึงของมินฮยอนที่มีต่อตัวเองมากเพียงใด
เพราะแจนเองก็รู้สึกแบบนั้นไม่ต่างกัน
เขาเห็นใบหน้าสลดของอีกคนแบบนี้
ความรู้สึกผิดก็ตีขึ้นมาเต็มอก คำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกไปแต่มันยากเหลือเกิน
ความรู้สึกภายในหัวใจของเขากำลังตีกันไม่หยุด จนแจนเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
จนกระทั่งมือหนาที่เกาะกุมค่อยๆปล่อยข้อมือเขาออก
“โอเคพี่เข้าใจแล้ว เรากลับไปเถอะ”
ถ้าในตอนนั้นแจนไม่สังเกตก็คงไม่รู้ว่าใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังก้มหน้าอยู่ในตอนนี้กำลังเสียน้ำตา
แจนมองมินฮยอนอย่างรู้สึกผิด
มือเล็กเอื้อมไปกุมมือที่เพิ่งปล่อยมือเขาเมื่อกี้ขึ้นมา
มินฮยอนเองก็เริ่มงุนงงกับพฤติกรรมของอีกคน จึงทำได้เพียงแต่มองตามเงียบๆ
“ขอโทษนะพี่มิน ผมขอโทษ”
จู่ๆแจนก็เอ่ยของโทษขึ้นมาอย่างไม่ทันให้อีกคนตั้งตัว
ร่างสูงมองน้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าร่างเล็กเริ่มร้องไห้สะอื้นขึ้นมา
มินฮยอนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
สำหรับน้องแล้วถ้าไม่สุดๆจริงๆไม่มีทางที่จะร้องไห้แน่นอน เขารู้จักแจนดีกว่าใคร
“ขอโทษที่ไม่เชื่อใจ ขอโทษที่ผมงี่เง่า”
“ใจเย็นๆนะแจน ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ไม่เป็นไร
ไม่ต้องขอโทษ”
สองมือหนายกขึ้นโอบกอดอีกคนเต็มสองแขนอย่างปลอบประโลม
มินฮยอนไม่ชอบเลยเวลาแจนร้องไห้ ภาพเก่าๆในวันที่คนตัวเล็กวิ่งหนีเขาไปหลบหลังเคาน์เตอร์งานบายเนียร์กลับเขามาอีกครั้ง
เขามักรู้สึกผิดตลอดหากรู้ว่าสาเหตุของน้ำตาพวกนั้นมาจากตัวเอง
แจนน่ะไม่เหมาะกับคราบน้ำตาสักนิด
รอยยิ้มหวานๆกับแก้มกลมๆต่างหากที่เหมาะ
มือหนาลูบหัวอีกคนเบาๆเมื่อแจนไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
ร่างเล็กเอาแต่โทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
มินฮยอนทำอะไรไม่ได้นอกจากกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ให้น้องรู้สึกปลอดภัย
ในตอนนั้นน้องก็คงจะหยุดร้องได้เอง
มินฮยอนปล่อยให้แจนร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองหลายนาทีโดยที่ไม่มีใครได้พูดอะไร
อ้อมกอดที่อบอุ่นและปลอดภัยทำให้แจนหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด
เสียงสะอื้นที่เงียบลงทำให้เขาค่อยๆดันน้องออกมามองหน้ากันตรงๆ
ดวงตาแดงก่ำฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตา
กับแก้มขาวกลมๆที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้น พูดไปตอนนี้ก็อาจจะดูเหมือนโรคจิต
แต่เขามองว่ามันน่ารักมากจริงๆ
“ไหน บอกพี่ได้หรือยังคะ ว่าร้องไห้ทำไม”
มินฮยอนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบลงแล้ว
แจนพยักหน้าสองสามครั้งให้เขาเมื่อคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะตอบคำถามของอีกคนในตอนนี้
“ผมรู้จากฮยอนบินแล้วว่าเขาไม่ให้พี่บอกใครเอง
เขามาอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังหมดแล้ว ผมรู้แล้วว่าตัวเองงี่เง่าจนไม่ฟังเหตุผลพี่
ไม่เชื่อใจพี่แล้วก็ดันไปพาลใส่พี่อีก ขอโทษจริงๆพี่มิน อย่าโกรธเลยนะ”
“พี่ไม่เคยโกรธเรา”
“แต่ผมทำพี่เสียใจ ผมเอาแต่ฟังคำพูดคนอื่น เอาแต่โกรธตัวเองที่ดีไม่พอสักที
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าพี่ที่อยู่ตรงนี้”
“…”
“ขอโทษนะพี่มิน
ขอโทษที่เด็กนิสัยไม่ดีคนนี้ชอบเอาแต่ใจมาตลอด”
มินฮยอนปล่อยให้อีกคนพูดระบายอย่างที่อยากจะพูด
เขาไม่บ่นไม่ว่าอะไรน้องสักคำ มินฮยอนรู้ดีว่าอีกคนอึดอัดใจแค่ไหน
อย่างน้อยให้น้องระบายทุกอย่างออกมากก็ยังดี อย่าเอาเก็บไว้คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา
“พี่ไม่โกรธเราหรอกค่ะ พี่เข้าใจเรา”
“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
“ไม่ต้องขอโทษแล้ว”
“ไม่เอา ผมผิด ผมต้องขอโทษ”
“ขอพูดอีกครั้งพี่จะจูบ”
“ขอทะ...อื้อห์”
ริมฝีปากบางถูกจูบปิดปากอย่างที่มินฮยอนขู่ไว้จริงๆ
ร่างสูงก้มลงประชิดริมฝีปากบางในทันที ไม่รอให้อีกคนได้พูดจบประโยค
กลีบปากนิ่มถูกอีกคนรุกล้ำเข้ามาอย่างที่วิสาสะ
ความร้อนแรงที่แจนแทบรับมือไม่อยู่จึงทำได้เพียงกำเสื้อคนป่วยไว้แน่น
ความอุ่นร้อนของอุณหภูมิไข้หวัดถูกส่งผ่านสองริมฝีปากอย่างวาบหวาม
ไม่รู้ว่ามินฮยอนอดอยากปากแห้งขนาดไหนถึงได้ดึงดูดความหอมหวานจากปากเล็กอย่างไม่รู้จบ
แจนที่อ่อนประสบการณ์ก็ได้แต่ปล่อยผ่านให้อารมณ์ความรู้สึกเป็นตัวชักน้ำพาไปแทน
ไม่รู้ว่าเกือบกี่นาทีแล้วที่มินฮยอนไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากอีกคนเห็นอิสระ
และแจนเองก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตัวเองถูกยกขึ้นมานั่งคร่อมบนตักแทนที่จะเป็นเบาะของโซฟาข้างๆ
นานหลายนาทีจนแจนเองเกือบหายใจไม่ออก มือเล็กถึงได้ทุบอกแกร่งของอีกคนเบาๆ เพื่อให้ละริมฝีปากออกไปให้เขาได้หายใจสักที
“พอ..พอแล้ว”
แจนเปร่งเสียงห้ามเมื่อมินฮยอนก้มหน้าลงมาเหมือนจะดึงดูดความหอมหวานจากปากเล็กอีกครั้ง
มือขาวดันร่างดันอีกคนให้ออกห่าง ถึงอย่างนั้นโพสิชั่นของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักหนาก็ไม่ได้ดูปลอดภัยไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่ หน้ำซ้ำแจนยังสังเกตเห็นอีกว่ารอยยิ้มมุมปากของมินฮยอนที่เผยออกมามันไว้ใจไม่ได้มากแค่ไหน
“ฉวยโอกาสชะมัด”
ถึงจะบ่นแบบนั้น
แต่ว่าแจฮวานก่อนยอมให้อีกคนกอดอย่างโดยดี
ร่างสูงกระชับอีกคนให้เข้ามาใกล้กว่าเดิมในอ้อมกอด แจนเองก็ไม่ได้ขัดขืนและยังกอดเขาซ้ำอย่างน่ารัก
รอยยิ้มของมินฮยอนเกิดขึ้นเต็มริมฝีปากหนา
เขาเกยคางแหลมๆของตัวเองบนไหล่เล็กอย่าโหยหา
“คิดถึงจังค่ะ”
คำอ้อนหวานๆนั้นทำให้แจนยิ้มออกมาได้ในที่สุด
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของพี่มินลอยขึ้นแตะจมูก
สวนทางกับร่างกายที่กอดเขาอยู่นั้นร้อนแทบเป็นไฟ
ถึงอย่างนั้นแจนก็ไม่ได้บ่นอะไรออกไป เขาไม่กลัวแม้ว่าตัวเองจะติดไข้อีกคนหรือไม่
ขอให้ในตอนนี้มินฮยอนกอดเขาให้แน่นกว่าเดิมก็พอ
“ผมก็คิดถึงพี่...มากๆเลย”
แม้ว่าแจนจะปากแข็งกับใครแค่ไหน แต่เวลาที่อยู่กับเขาแจนมักจะน่ารักเสมอ
และนั่นสำหรับมินฮยอนเขามองว่ามันเป็นเสน่ห์ของอีกคนที่ใครเห็นก็ต่างหลงใหล
“ต่อจากนี้พี่จะไม่ปล่อยเราไปไหนแล้ว
พี่จะทำให้เราเชื่อใจพี่ แล้วจะไม่ปล่อยให้คนอื่นมาว่าเราอีกแล้ว”
“ผมเองก็จะฟังพี่ให้มากขึ้น จะไม่ดื้อแล้ว”
“สัญญาแล้วนะคะ”
“ครับ สัญญา”
นิ้วก้อยเล็กๆถูกยื่นออกไปทำพันธะสัญญากับอีกคนเงียบๆ
มินฮยอนเกี่ยวก้อยกับแจนอย่างน่ารัก สบตามองใบหน้าหวานที่เขาคิดถึงจนแทบบ้า อดไม่ได้ที่จะยื่นมือของตัวเองไปดึงแก้มอีกคนเล่นด้วยความโหยหา
แก้มขาวนุ่มๆเหมือนซาลาเปาที่เขาเห็นกี่ครั้งก็ไม่เคยห้ามใจตัวเองได้ไหวสักครั้ง
ถ้าจะโทษก็ให้แจนโทษตัวเองเถอะที่เกิดมาน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้
จนบางทีเขาไม่อยากจะเอาคนตัวเล็กนี่ไปไหนด้วยทั้งนั้น
จะว่าหวงก็บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยล่ะ
“กลับมาห้องนี้นะ มาอยู่ด้วยกัน
ห้องที่ไม่มีเรามันเหงามากๆเลยไม่มีใครให้กอดเลย”
“หมอนข้างไง”
“มันไม่นิ่มเหมือนตัวเรานี่คะ
จับตรงไหนก็นิ่มเด้งไปหมด”
มือซุกซนของมินฮยอนที่กำลังจิ้มเข้าที่เอวบางถูกตีอย่างแรงจนร่างสูงยู่หน้าด้วยความเจ็บ
ถึงอย่างนั้นก็ยังคงกอดคนบนตักเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าแจนอาจจะหายไปจากตัวเองได้ทุกเมื่อ
“พี่ก็ห้ามงอแง เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเก็บของก่อน
แล้วจะมาอยู่ด้วย”
“สัญญาแล้วนะคะ”
“สัญญาแล้ว แต่พี่ต้องไปนอนก่อนนะ
ตัวร้อนเป็นไฟแล้วเนี่ย”
มือบางละออกจากหน้าผากกว้างเมื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายอีกคนเสร็จ
มินฮยอนพนักหน้าอย่างเชื่อฟังเขา ก่อนจะยอมลุกจาโซฟาแล้วดึงแจนตามเข้าไปในห้องนอนด้วย
ร่างสูงยอมนอนลงบนเตียงอย่างว่าง่าย
ก่อนที่แจนจะติดแผ่นแปะความร้อนให้อีกคนไว้ที่หน้าผาก
แจนทรุดลงนั่งบนเตียงข้างๆคนป่วย
มินฮยอนมองเขาตาแป๋วราวกับเป็นเด็กน้อยที่ป่วยแล้วต้องการคุณแม่อยู่ข้างๆ
มือหนาเอื้อมไปจับมือแจนไว้ตลอดเวลา ซึ่งแจนเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
เขาตั้งใจจะเฝ้าจนกว่าอีกคนจะหลับไป แต่ก็ดูเหมือนว่ามินฮยอนยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่และไม่ยอมหลับสักที
“เป็นอะไร”
“นอนไม่หลับค่ะ”
“ทำไมอะ ดึกแล้วนะ”
“กำลังคิดเรื่องเรากับยองมินอยู่”
อาการกังวลใจของมินฮยอนที่ปกปิดไม่อยู่จนต้องเอ่ยปากถามอีกคนเมื่อทนเก็บไว้ไม่ไหว
แจนยิ้มกว้างออกมาเมื่อรู้สาเหตุที่อีกคนนอนไม่หลับ
มือเล็กกุมมืออีกคนขึ้นมาแนบแก้มของตัวเองเบาๆ
“มันไม่มีอะไรครับ ผมเคลีย์กับยองมินแล้ว”
“ยองมินยอมถอยหรอ”
“ไม่ถอยก็คงไม่ได้ ผมบอกเขาไปแล้วว่าผมรักพี่”
ถ้อยคำน่ารักของแจนที่ทำให้คนฟังยิ้มออกมาได้ในที่สุด
มือหนาอีกข้างเอื้อมไปลูบหัวอีกคนเบาๆด้วยความเอ็นดู
เขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แค่คิดว่าน้องแจนจะกุมมือเฝ้าเขาแบบนี้ไปจนเช้า
ผู้ชายแบบมินฮยอนก็อดที่จะดีใจไม่ได้จริงๆ
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่รักพี่”
“ที่พี่ทำให้ผมมันมากกว่านี้หลายเท่า
แค่นี้ไม่เห็นยากเลย”
“พี่รักเรานะ”
“ผมก็รักพี่
ต่อจากนี้สัญญาว่าผมจะไม่ปล่อยให้พี่เป็นคนพยายามแค่คนเดียวอีกแล้ว”
มินฮยอนยิ้มตอบน้องแจนอย่างอบอุ่น
เขาเชื่อใจและมั่นใจในตัวน้องเสมอ
ขอบคุณแจนจริงๆที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขจากความรักของเราได้ขนาดนี้
พิษไข้ที่มากขึ้นทำให้มินฮยอนเผลอหลับไปในที่สุด
ร่างบางปล่อยให้อีกคนนอนอย่างสบายตัวมากขึ้น
มือเล็กที่กุมอยู่ก็ค่อยๆปล่อยออกก่อนแจนจะค่อยๆห่มผ้าให้อีกคนอย่างเบามือ
แจนไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะรักกับมินฮยอนไปได้อีกนานแค่ไหน
ต่อจากนี้เขาจะไม่คิดถึงวันสุดท้ายที่จะได้รักกัน แต่น้องแจนคนนี้จะพยายามทำแต่ละวันให้ดีที่สุด
โดยที่ไม่ใช่การที่มินฮยอนพยายามฝ่ายเดียวอีกแล้ว
ขอบคุณมินฮยอนที่เข้ามาทุบกำแพงในหัวใจให้เขาได้เปิดรับรักใครอีกครั้ง
และขอบคุณพระเจ้าที่ให้คนๆนั้นคือมินฮยอน
FIN
#พี่มินเดือนมอ
ไปคุยกันต่อได้ในแท็กนะคะ ขอบคุณค่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น